แต่ก็ไม่รู้จะเริ่มยังไง จะไปทางไหน
แถมมีคนตั้งมากมายที่ไปทำการเกษตรแล้วกลับเจ๊งไม่เป็นท่า (ไม่ใช่ทุกคน)


#1 สวน ≠ หนี้
เบียร์จะบอกว่า ให้หลีกเลี่ยงการเริ่มต้นด้วยหนี้
หลายคนเริ่มทำสวนด้วยการกู้หนี้ยืมสิน แต่เมื่อถึงเวลานัดชำระ กลับไม่มีเงินมากพอที่จะไปชำระหนี้สินได้
ทำสวนมันใช้เวลานะครับ และมีความไม่แน่นอน ขึ้นกับดินฟ้าอากาศและฝีมือเราด้วย
สุดท้ายนอกจากจะเจ๊งไม่เป็นท่าแล้ว อาจจะต้องเสียผืนดินซึ่งเป็นทรัพย์สินไปด้วย
อันที่จริงการกู้เงินมาทำสวนนั้น จะทำให้ฝันของคุณสามารถเป็นความจริงได้ในระยะเวลาอันสั้น คุณจะสามารถซื้ออุปกรณ์ทุกอย่าง วางระบบน้ำได้พร้อม แต่สิ่งที่คุณซื้อไม่ได้ก็คือ “ประสบการณ์”
ประสบการณ์การทำการเกษตรนั้น ไม่สามารถหาได้จากหนังสือ จากการเรียนปริญญาตรี เกษตรกรรมเต็มไปด้วยความไม่เที่ยง เรื่องน่าตื่นเต้นมากมาย
ปลูกแล้วไม่โต ใบเหลือง ชะงัก เฉา โรคภัยลงมาเยือนทั้งแปลงต้องปลูกซ่อมใหม่หมด
ปลูกแล้วโตแต่ดันไม่ให้ผลผลิต ขณะที่พืชไม่โตและให้ผลตามกำหนด ใบแจ้งหนี้ก็มาแล้ว
เบียร์ไม่ได้บอกว่าการกู้หนี้ยืมสินมาลงทุนไม่ดีนะครับ แต่สำหรับการเริ่มต้น อย่าเพิ่งจะดีกว่า
หากแต่วันหนึ่งสวนของคุณมีรากฐานที่มั่นคงแล้ว ถึงเวลานั้นจะกู้หนี้เพื่อเสริมสภาพคล่องบ้างก็คงไม่เสียหาย
แต่ถึงอย่างไรเบียร์ก็คิดว่าการไม่มีหนี้ก็เป็นลาภอันประเสริฐนะครับ

#2 ให้โอกาสตัวเองเมื่อล้มเหลว
มีใครเกิดมาแล้วพูดเป็นเลยบ้าง
ในเมื่อมันไม่มี ทุกอย่างก็ต้องมาจากการเรียนรู้
ไม่ใช่เบียร์จะบอกว่าคุณจะต้องล้มเหลวนะครับ
แต่การล้มเหลวคือโอกาสที่คุณจะได้เรียนรู้จากของจริง
เพื่อที่จะประสบความสำเร็จอย่างยั่งยืนในอนาคตไงละครับ
ความเป็นจริงก็คือการทำสวนคุณจะต้องพบเจอความล้มเหลวบางอย่างบ้างแน่นอน แต่สำหรับบางคนอาจจะรู้สึกว่ามันยากที่จะรับได้
เบียร์ขอบอกว่า คุณล้มเหลวได้ครับ ไม่เป็นไร ผิดพลาดได้ครับ ไม่เป็นไร มันปกติมากๆ ที่เราทำอะไรใหม่ๆ แล้วจะมีพลาดบ้าง ผิดบ้าง ทุกสิ่งที่ผิดพลาดทำให้เราได้เรียนรู้ในสิ่งที่ถูกต้อง ไม่ได้ทำให้เราต้องล้มเลิก
และนี่คือโอกาสที่คุณจะได้เรียนรู้จากการลงมือทำจริงไงครับ
วันต่อไปคุณก็จะรู้แล้วว่า ทำแบบนี้ไม่ได้นะ จะเกิดผลเสีย ต้องทำแบบนี้
นั่นละครับ ล้มเหลว เพื่อ เรียนรู้ และ ปรับปรุง นำไปสู่ความสำเร็จครับ

#3 สำรวจตลาดก่อนที่จะเริ่ม หรือสร้างตลาดซะเองเลย
ถ้าคุณปลูกอะไรสักอย่างใช้เวลา 5 ปี จนต้นโตเริ่มให้ผลแล้วเพิ่งมารู้ว่าต้องแบกไปขายในจุดที่ห่างออกไป 500 กม. เพราะแถวนี้ไม่มีแหล่งรับซื้อ และไม่เป็นที่นิยม ชีวิตพังกันเลยทีเดียว
จะปลูกอะไร จะลงทุนแล้วต้องดูด้วยว่ามีที่ขายหรือไม่
มีความต้องการมากขนาดไหน แล้วต้องปลูกอย่างไรถึงได้ผลผลิตดี
อย่าลืมมีแผนสำรองไว้ด้วย เพราะไม่แน่ว่าพืชที่คุณสำรวจตลาดวันนี้อาจมีราคาดีมาก แต่ผ่านไปอีก 5 ปี ราคากลับไม่ดีอย่างที่คาดและกลับไม่เป็นที่ต้องการของตลาดอีกแล้ว งานจะเข้าเอา
ถ้ามีแผนสำรองด้วย เช่น แปรรูปส่งเป็นของฝากได้ หรือ ปลูกพืชหลายๆ อย่างเพื่อลดความเสี่ยง ก็จะดีไม่น้อย
แต่ แต่ แต่ เบียร์จะบอกว่า นี่มันยุคการค้าออนไลน์ เราสามารถขายบนออนไลน์แล้วส่งผลผลิตไปได้ทั่วประเทศในเวลาแค่ไม่กี่วัน ดังนั้นถ้าไม่มีตลาดรองรับ เราก็สร้างตลาดเองไว้เลย ด้วยการ สร้างแบรนด์ คิดชื่อเก๋ๆ เป็นสวนของตัวเอง และทำผลผลิตให้อยู่ในเกรดอาหารปลอดภัย นั่นก็คือ เกรดออร์แกนิค เกรดอินทรีย์ ผู้คนต้องการมีอยู่มากมายทั่วไทย ก็ทุกคนเริ่มตื่นตัวกับการป้องกันการเป็นโรคมะเร็ง โรคจากสารพิษสะสม ดังนั้น เราจะชนะตลาดได้ด้วยการ ทำผลผลิตให้ปลอดสารปลอดภัย แล้วขายเอง และนี่ก็คือสิ่งที่เบียร์ทำอยู่ครับ

#4 ปลูกพืชให้เหมาะกับผืนดิน
สังเกตด้วยว่าที่ดินของเราเหมาะที่จะปลูกพืชชนิดไหน
สภาพอากาศตลอดทั้งปีเป็นอย่างไร
ผืนดินมีน้ำตลอดทั้งปี ฝนตกชุก ก็ควรปลูกพืชที่ต้องการน้ำมาก
ผืนดินแห้งแล้ง ก็ควรปลูกพืชทนแล้ง
ที่ดินทรายริมฝั่งชายทะเล ก็ควรปลูกมะพร้าว
ไม่ดันทุรังปลูกอะไรก็ตามที่คนอื่นบอกว่าดีบอกว่ารวย
เพราะที่ดินไม่เหมาะสมเราจะปลูกแล้วจน ไม่รวยครับ
เบียร์จะบอกว่า คนเราไม่ได้กินอาหารอย่างเดียวตลอดเวลา
พอเราเบื่อเราก็อยากจะเปลี่ยนไปกินอย่างอื่นบ้าง
ดังนั้น ปลูกพืชที่ที่ดินของเราสามารถสร้างผลผลิตที่อร่อยที่สุดของพืชชนิดนั้นๆ
สภาพความเหมาะสมนี้จะทำให้พืชสามารถให้ผลผลิตได้สูงสุดตามความชอบของพืชแต่ละชนิด
อย่าดันทุรังเอาพืชที่ไม่ใช่ไปปลูกในแปลงที่ดินที่ไม่เหมาะสม เพราะมีแต่จะเสียหายและขาดทุน

#5 เติบโตสิ่งที่คุณชอบ
เบียร์คิดว่าทุกคนรู้อยู่แล้วว่าทำการเกษตรนั้นเป็นงานหนัก
ดังนั้น มันจะดีกว่ามากหากคุณสามารถปลูกพืชที่คุณชอบ
ถ้าคุณชอบทุเรียนก็ปลูกทุเรียน
ถ้าคุณสนุกกับการปลูกมะนาวก็จงปลูกมะนาว
แต่ถ้าคุณชอบกินมังคุดก็ปลูกมังคุดสิ
นอกจากจะได้มีไว้กินเองแล้ว ยังได้ส่งขายด้วยไง
มนุษย์ชอบที่จะทำอะไรซ้ำๆ ไม่มีเบื่อ ในสิ่งที่ตัวเองชอบ
แม้ว่าพวกเค้าจะพบเจอกับอุปสรรคหินๆ ต่างๆ นาๆ ก็จะพยายามหาทางฝ่าฟันไปจนได้
ดังนั้น ถ้าคุณรู้สึกชอบการปลูกมะนาว การแก้ปัญหาแคงเกอร์ในสวนคุณจะไม่ใช่เรื่องน่าเบื่อเลย เพราะคุณรักในสิ่งที่คุณทำ คุณจึงมีพลังที่จะทำมันได้อย่างไม่หยุดยั้ง

#6 ตั้งเป้าให้ใหญ่
คนจำนวนมากมักตั้งเป้าให้ต่ำเข้าไว้ เพื่อที่จะให้สำเร็จได้ง่าย
เบียร์จะบอกความลับที่ต่างออกไป
คุณต้องตั้งเป้าให้ใหญ่
การตั้งเป้าให้ใหญ่จะทำให้คุณมีความตั้งใจที่จะทำให้สำเร็จมากขึ้น คุณจะลงแรง จะพัฒนาตัวเองมากขึ้น
และถึงแม้ในท้ายที่สุด คุณอาจจะไม่สำเร็จตามเป้าหมาย
แต่เมื่อนำผลลัพธ์กลับไปเทียบกับเป้าเล็ก คุณกลับได้สูงกว่าเป้าหมายเล็กตั้ง 10 เท่า
เบียร์ยกตัวอย่าง เช่น
คุณตั้งเป้าเล็กว่าจะขายผลผลิตให้ได้ 1 แสนบาทในปีนี้
ผลสุดท้ายคุณก็จะสำเร็จกับ 1 แสนบาทก็จริง
แต่ถ้าคุณตั้งเป้าใหญ่ที่ 1 ล้านบาทต่อปี
คุณจะลงมือทำอย่างเต็มที่ เพราะ 1 ล้านบาทมันดูห่างไกลมาก เพื่อเข้าใกล้มันให้มากที่สุด ผลสุดท้ายคุณอาจจะได้ 5 แสนบาท แต่นั่นมันก็ 5 เท่าของเป้าเล็ก 1 แสน บาทเลยเชียวนะ
นี่เป็นวิธีคิดของคนที่มีโอกาสประสบความสำเร็จสูงครับ
เบียร์เอามาบอก เพราะอยากให้พี่น้องเราประสบความสำเร็จเช่นเดียวกัน

#7 ใครจะคิดยังไง ช่างเขา
เคล็ดลับในข้อนี้คือศาสตร์แห่งการเพิกเฉย
คุณอาจจะไปเริ่มทำสวนอะไรสักอย่างที่ไหนสักแห่ง ที่มีคนทำอยู่ก่อนคุณแล้ว และเป็นคนที่มีประสบการณ์มาก (ซึ่งเป็นประสบการณ์ในแบบของเขา ไม่ใช่ของเรา)
เบียร์สมมติว่าคุณปลูกทุเรียนแล้วกัน
มีคนเก่าแก่บริเวณนั้นบอกว่าทุเรียนถ้าไม่ใช้ปุ๋ยเคมีนะ ไม่มีวันได้ผลผลิตพอขายหรอก
แต่คุณมีความคิดริเริ่มจะปลูกทุเรียนอินทรีย์และจะทำการตลาดเองด้วยการขายผ่านทางออนไลน์
ก็เรามีความรู้ เราทำได้ เรารู้ว่าเรากำลังทำอะไร จริงมั้ยละ
เค้ากลับหัวเราะคุณและบอกคุณบ้าไปแล้ว ล้มเลิกความคิดเสียเถอะ
อย่าไปเสียความมั่นใจนะครับ เราไม่จำเป็นต้องฟังเค้า เค้าจะคิดยังไงก็เรื่องของเค้า เรารู้ว่าเราจะทำอะไรพอ
เพราะทุกวันนี้ทุเรียนคุณภาพดี เกรดเอ ขายออนไลน์ มีแล้วนะครับ
ราคาดีกว่าขายส่งตามท้องตลาดเสียอีก

#8 มีอารมณ์ขัน
อย่าเครียดสิครับ เครียดแล้วตีโจทย์ไม่แตก แก้ปัญหาไม่ตรงจุด
เบียร์จะบอกว่า การทำสวนคือการเข้าไปเกี่ยวข้องกับสิ่งมีชีวิต(พืช) ซึ่งมีความอ่อนไหว เปราะบาง และมีความตาย สิ่งมีชีวิตทุกชนิด เกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นธรรมดา ช่วยได้บ้างก็จริง แต่บางทีไม่ไหวมันจะตายก็ห้ามไม่ได้
ใช่ แล้วถ้าคุณตื่นขึ้นมาแล้วพบว่าช้างมาล้มต้นกล้วยเอากล้วยไปกิน 10 ต้น ก็อย่าไปเอาความรู้สึกที่ต้องสูญเสียมาคิดมากเสียเวลา
มีอารมณ์ขันกับมันซะ คิดซะว่าทำบุญ ทำทานให้ช้างไป เดี๋ยวเราก็ปลูกทดแทนเอาได้
การที่เราเครียดนอกจากร่างกายจะหลั่งสารที่ไม่ดีแล้ว ยังทำให้ความสามารถในการแก้ไขปัญหาลดต่ำลง ฉะนั้นแล้วจะเสียเวลาไปทำไมกัน
อะไรผ่านแล้วผ่านไป ช่างมัน เราทำให้เกิดขึ้นมาใหม่ได้

#9 อ่าน ถาม แชร์ประสบการณ์
ไม่ชอบการอ่าน ก็ต้องอ่านหาความรู้มาทดลองปรับใช้ในแปลงสวน ใฝ่หาความรู้ให้มากขึ้นเพื่อให้ประสบความสำเร็จได้ไวขึ้น
ถาม ไม่ต้องอายที่จะบอกว่าฉันไม่รู้ บางครั้งปัญหาก็เหมือนเส้นผมบังภูเขา เราคิดแทบตายคนบางคนมาถึงก็หยิบออกไปได้อย่างง่ายดาย
แชร์ประสบการณ์ สิ่งใดที่คุณเรียนรู้แล้วและทำจนชำนาญ จงเผื่อแผ่แบ่งปันให้กับผู้คนบนโลกนี้ โดยเฉพาะผู้คนที่อยากเรียนรู้จากคุณ

#10 ลงมือทำอย่างต่อเนื่อง
หนึ่งในเคล็ดลับของผู้คนที่ประสบความสำเร็จบนโลกนี้ก็คือ การลงมือทำอย่างต่อเนื่องเป็นโมเมนตัม
หมายความว่า แรกๆ เราจะรู้สึกว่ามันยากลำบาก เหน็ดเหนื่อย ต้องลงแรงมาก ต้องเครียด ต้องรับแรงกดดัน แต่เมื่อเวลาผ่านไปคุณยังไม่ล้มเลิก ทุกอย่างจะง่ายขึ้น
เริ่มแรกลงแรงมากผลตอบแทนน้อย
ทำต่อไปลงแรงน้อยผลตอบแทนมาก
เป็นอย่างนี่เสมอไม่ว่าทำอะไร
เบียร์ขอบอกว่า ทำอะไรมันก็เครียดทั้งนั้น ไม่ว่างานประจำ งานไม่ประจำ นายตัวเอง
แต่เราทนเครียดแบบมีกิน มันก็ดีกว่าทนเครียดแบบไม่มีกินนะ
ถ้าเราทำได้ครั้งนึง มันก็อยู่ได้ยาวๆ อย่าปล่อยให้กิเลส ความขี้เกียจ พาเราไปแพ้ละ

จบแล้ว 10 ข้อแนะนำ สำหรับคนที่คิดริเริ่มจะทำสวนครั้งแรก
หากคุณมุ่งมั่นและตั้งใจจริง ผมขอกล่าวคำว่ายินดีต้อนรับสู่วงการที่สร้างและผลิตอาหารให้ผู้คนจำนวนมากบนโลกใบนี้ครับ
คุณสร้างคุณประโยชน์ต่อผู้คนอย่างใหญ่หลวงทีเดียว

*** โปรดระวังของลอกเลียนแบบชื่อคล้าย ต้อง “มีเฮ” เท่านั้น ของแท้ต้นฉบับ
เบียร์ มีเฮ
แค่เปลี่ยน วิธีการ 》》》ผลลัพธ์ก็เปลี่ยนไป
มีเฮต้องการช่วยเกษตรกรไทย มั่งคั่งอย่างยั่งยืน
++++++++++++++++++++++++++++++++
ลงทุนนำมีเฮไปใช้สร้างกำไรให้สวนของท่าน
หน้าเพจ : www.facebook.com/meehaythai
เว็บไซต์ : www.meehaythai.com
รวมรีวิวและเนื้อหา : www.meehayonline.com
inbox : m.me/meehaythai
Line id : @meehay (มี @ ข้างหน้าด้วยนะครับ)
Line official : http://line.me/ti/p/%40meehay
โทร 062-3462449 094-4054696
ใส่ความเห็น