ห้องเรียนเกษตรอินทรีย์ขั้นพื้นฐาน บทที่ 1 หลักการเกษตรอินทรีย์

ห้องเรียนเกษตรอินทรีย์ขั้นพื้นฐาน บทที่ 1 หลักการเกษตรอินทรีย์

วิถีแห่งความยั่งยืน เกษตรอินทรีย์

เป็นระบบการผลิตทางการเกษตรระบบหนึ่งครับ

ที่ให้ความสำคัญต่อระบบนิเวศโดยรวม

ให้ความสำคัญต่อดินและการหมุนเวียนทรัพยากรแร่ธาตุ

พึ่งพาอาศัยความหลากหลายทางชีวภาพ

หลีกเลี่ยงการใช้สารเคมีสังเคราะห์ทุกชนิด .

ปฏิเสธการใช้พืช สัตว์ หรือจุลินทรีย์

ที่มาจากการดัดแปลงโดยพันธุวิศวกรรม

พื้นฐานแนวความคิดของเกษตรอินทรีย์ มาจากภาพรวมในป่าใหญ่

ที่พืชพรรณต่างๆนาๆได้รับธาตุอาหารจากดินโดยผ่านราก

และธาตุอาหารจากทางอากาศโดยผ่านทางการหายใจผ่านใบ

แล้วเกิดการสังเคราะห์แสงนำธาตุอาหารต่างๆเหล่านั้นมาใช้

ทำให้พืชเจริญเติบโต มีปริมาณของชีวมวลเพิ่มขึ้น

(Bio Mass) ซึ่งก็คือลำต้นที่ใหญ่ขึ้น

กิ่งก้านสาขาและใบที่มากขึ้น รวมไปถึงผล

เมื่อใบแก่ กิ่งหัก ทิ้งลูก ก็ร่วงหล่นลงพื้น

เมื่อลงสู่พื้นดินก็ถูกจุลินทรีย์ในพื้นดินย่อยสลาย

มีแมลงต่างๆที่กัดกินแทะใบไม้แล้วกลายเป็นมูลกลับคืนสู่ดิน

ซึ่งสิ่งเหล่านี้เองที่เราเรียกว่า “อินทรียวัตถุ”

ด้วยวงจรสมดุลธาตุอาหารนี้เองที่ทำให้พืชพรรณต่างๆในป่าใหญ่

สามารถดำรงค์คงอยู่มาได้อย่างสมบูรณ์กว่าพันกว่าหมื่นปี(เป็นล้านปี)

เพราะธาตุอาหารหมุนเวียนอยู่ในระบบนิเวศโดยไม่หายไปไหน

การหมุนเวียนธาตุอาหาร จึงเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการเกษตรระบบอินทรีย์

แต่เนื่องด้วยการทำการเกษตรนั้น

จะมีธาตุอาหารสูญหายไปจากการขายผลผลิตเสมอ

ซึ่งธาตุอาหารส่วนที่หายไปจากระบบนิเวศนี้เอง

ที่เกษตรกรจำเป็นต้องหาวิธีที่เหมาะสม

ในการหาธาตุอาหารจากภายนอกมาชดเชย

ปัญหาการสูญเสียธาตุอาหารยังเกิดจากอีกหลายๆปัจจัย

เช่น การชะล้างของหน้าดิน โดยลม ฝน น้ำ

ดังนั้นการหมุนเวียนธาตุอาหารในสวนอินทรีย์

จึงเน้นเรื่องของการใช้อินทรียวัตถุ

ที่สามารถย่อยสลายได้ด้วย “จุลินทรีย์”

โดยการคลุมดินด้วย อินทรียวัตถุ

การใช้ปุ๋ยหมัก/น้ำหมักชีวภาพ การปลูกพืชเป็นปุ๋ยสด

การปลูกพืชหมุนเวียน ฯลฯ

เราทราบดีแล้วว่า ดิน มีความสำคัญอย่างยิ่ง

เพราะความอุดมสมบูรณ์ในดินส่งผลโดยตรงต่อคุณภาพชีวิตของพืช

เราเห็นแล้วว่าผิวดินในระบบนิเวศในป่ามีเศษซากใบไม้

ปกคลุมดินอยู่ตลอดเวลา

ซึ่งอินทรียวัตถุที่คลุมดินนี้ยังช่วยเรื่องของการกัดเซาะหน้าดินของน้ำ

แถมยังเป็นอาหารของจุลินทรีย์ ทำให้ดินเป็น “ดินที่มีชีวิต”

การย่อยสลายอินทรียวัตถุโดยจุลินทรีย์

และสิ่งมีชีวิตต่างๆก่อให้เกิด ฮิวมัสซึ่งมีความสำคัญในการกักเก็บน้ำ ธาตุอาหาร

ส่งผลให้เกิดความชื้น ทำให้พืชพรรณในบริเวณนั้นสามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง

จึงมีการดัดแปลงเลียนแบบธรรมชาติขึ้น

โดยการมีการนำวัสดุคลุมดินซึ่งเป็นอินทรียวัตถุ ใบไม้ ฟาง

หรือ แม้แต่ต้นหญ้าที่เกษตรระบบเคมีมักจะใช้ยาฆ่าหญ้าฆ่าทิ้งนั้น

อันที่จริงก็เป็นประโยชน์ต่อสวนไม่น้อย

ต่อจากนั้นก็จะเป็นหน้าที่ของจุลินทรีย์ในดินที่จะย่อยสลายให้กลายเป็นดินใหม่

การไม่ใช่สารเคมีสังเคราะห์ ยาฆ่าแมลง สารกำจัดศัตรูพืช

ทำให้จุลินทรีย์ในดินสามารถคงอยู่ได้

และมีสมดุลของความหลากหลายในระบบนิเวศ (Bio diversity)

โดยมีหลักการเรื่องของการอยู่อาศัยกันอย่างพึ่งพาและแข่งขันซึ่งกันและกัน

กล่าวคือ แม้จะมีศัตรูพืชตามธรรมชาติแต่ก็ไม่ได้ทำความเสียหายอะไรมากนัก

และพืชเองก็สามารถฟื้นตัวเองได้

และศัตรูพืชเหล่านั้นก็มีศัตรูตามธรรมชาติที่คอยกำจัดอยู่เช่นเดียวกัน

ก่อให้เกิดสมดุลที่เราไม่ต้องเข้าไปจัดการใดๆ

เพราะประชากรของศัตรูพืชนั้นถูกควบคุมอยู่

ในเกษตรระบบเคมีนั้นมีการใช้สารกำจัดศัตรูพืช ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าแปลกใจ

อันที่จริงแล้วศัตรูพืชนั้นมีความสามารถในการปรับตัวพัฒนาภูมิต้านทาน

ให้เข้ากับสารกำจัดศัตรูพืชได้ดีมาก ทำให้เกิดการดื้อยา

และไม่สามารถกำจัดออกไปได้ ทั้งยังเพิ่มจำนวนได้มากขึ้น

เพราะ สารเหล่านี้จะออกผลได้ดีกว่ากับศัตรูตามธรรมชาติของศัตรูพืช

ทำให้สัตว์เหล่านั้นตายไปทั้งหมด

ทำไปทำมาศัตรูพืชกลับยิ่งระบาดมากกว่าเก่าเสียอีก (เพราะไม่มีใครมากินพวกนี้)

ดังนั้นเราจึงต้องอนุรักษ์ระบบนิเวศเอาไว้

และหากเกิดความเสียหายก็จำเป็นต้องฟื้นฟูระบบนิเวศการเกษตร

เป็นแนวทางสำคัญหลักที่จะลดการรุกรานของศัตรูพืชลง

จึงเป็นการปฏิเสธการใช้สารเคมีสังเคราะห์ในทุกกระบวนการไปโดยปริยาย

เพราะสารเคมีเหล่านี้ส่งผลกระทบโดยตรงต่อสัตว์บนผิวดินและใต้ดินที่เป็นประโยชน์

ซึ่งนั่นก็คือ แมลง ไส้เดือน จุลินทรีย์ หากเกิดผลกระทบต่อสัตว์เหล่านี้ในแปลงสวนของเราแล้ว

ระบบสมดุลก็จะเสียไป ส่งผลกระทบไปถึงการควบคุมประชากรศัตรูพืช

การผสมเกษตรของแมลงต่างๆ รวมไปถึงการย่อยสลายอินทรียวัตถุ

การฟื้นฟูดินด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ ในทางเกษตรอินทรีย์

ดิน มีความสำคัญมากเป็นอันดับต้นๆ เพราะดินเป็นที่อยู่อาศัยของต้นพืชทั้งหลาย

หากดินดีมีธาตุอาหารครบถ้วนสมบูรณ์ก็จะสร้างความสมบูรณ์ให้กับพืชได้อย่างยั่งยืน

ทำให้พืชมีความต้านทานต่อโรคและแมลง ทำให้ลดภาระการป้องกันและกำจัดศัตรูพืช

ลดต้นทุนลงไปด้วย แถมส่งผลให้ผลผลิตมีรสชาติดี มีผลใหญ่รูปทรงสวยงาม

และคงคุณค่าทางโภชนาการสูง ปราศจากต่อสารพิษ

สุดท้ายการพึ่งพาปัจจัยการผลิต เน้นการพึ่งพาตนเองเป็นหลัก

แต่หากต้องการปัจจัยการผลิตภายนอกก็สามารถกระทำได้

โดยปัจจัยการผลิตสนับสนุนที่นำมาใช้ในสวนเกษตรอินทรีย์นั้น

จะเน้นไปในการสร้างความยั่งยืนให้กับระบบการผลิตในระยะยาว

นั่นหมายถึงปัจจัยการผลิตนั้นจะต้องเกื้อกูลส่งเสริมระบบสมดุลนิเวศในธรรมชาติ

ไม่ทำลายจุลินทรีย์อันเป็นประโยชน์ในดิน

ไม่ทำลายสิ่งมีชีวิตที่เป็นประโยชน์ต่อระบบนิเวศการเกษตร

******************************************************************

สรุปก็คือ พื้นฐานของเกษตรอินทรีย์ จะยึดหลักสำคัญดังต่อไปนี้

1.การหมุนเวียนธาตุอาหาร

2.ความสัมพันธ์ของความหลากหลายในระบบนิเวศ

3.การทำการเกษตรที่แนบอิงไปตามวิถีธรรมชาติ

4.การอนุรักษ์และฟื้นฟูระบบนิเวศการเกษตร

5.การพึ่งพาปัจจัยการผลิตที่ส่งเสริมการเกื้อกูลกันของระบบนิเวศ

******************************************************************

 

ผู้เขียน – เกษตรกรอินทรีย์สมัยใหม่ คุณเบียร์+ มีเฮ

www.facebook.com/meehaythai

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *