วันนี้ผมจะเล่าถึงจุดเปลี่ยนแปลงที่ทำให้เกิดเกษตรอินทรีย์ขึ้น
ซึ่งเหตุการณ์นั้นผ่านมาเกือบ 100 ปีแล้วครับ

เกษตรอินทรีย์เป็นระบบเกษตรทางเลือกที่กำเนิดขึ้นมาตั้งแต่ช่วงต้นศตวรรษที่ 20
ทุกวันนี้การทำฟาร์มระบบอินทรีย์ถูกพัฒนาอย่างต่อเนื่องโดยหลายๆ องค์กร
ซึ่งเน้นถึงการใช้ปุ๋ยที่มาจากธรรมชาติ เช่น ปุ๋ยหมัก ปุ๋ยคอก ปุ๋ยพืชสด และการหมุนเวียนจากระบบปศุสัตว์
และเน้นเทคนิคการเพาะปลูก เช่นการปลูกพืชหมุนเวียน การปลูกพืชที่ส่งเสริมกัน การจัดการศัตรูพืชทางชีวภาพ

(ผมอยากให้มองภาพในประเทศไทยตอนนี้
หลายคนเริ่มรู้จักเกษตรไบโอนี้อย่างดีแล้ว
ในนามของปุ๋ยหมัก พ.ด. ปุ๋ยไม่กลับกอง น้ำหมักชีวภาพ)

กลับไปที่จุดเริ่มต้น ณ ที่ๆ แขนงของวิชานี้เกิดขึ้น
ราวๆ กลางๆ ศตวรรษที่ 19 (ปี 1800 กว่าๆ) เริ่มมีการสังเคราะห์ปุ๋ยเคมีได้ และนำมาเริ่มใช้
(แทรกความรู้เพิ่มเติม *1 ผมขออธิบายเพิ่มเติมจุดนี้หน่อย อ่านท้ายบทความครับ)
ปุ๋ยชนิดนี้ขนส่งง่าย แพ็คๆ ขึ้นรถไฟไปได้ทั่ว เอามาใช้ก็ง่าย หว่านๆ ลงดิน
เห็นผลเร็วมาก จึงพัฒนาต่อไปเป็นกลุ่มยาฆ่าแมลงราวๆ ปี 1940

ผลที่ดีได้จากปุ๋ยเคมีสังเคราะห์นั้นเป็นไปในระยะสั้น
แต่เมื่อใช้ไปต่อเนื่องประมาณ 5-10 ปี กลับเกิดความเสื่อมโทรม
ดินอัดแน่นแข็ง ดินเสื่อม ดินขาดความอุดมสมบูรณ์ กลายเป็นดินตาย
ใส่ปุ๋ยเคมีอีกเท่าไรๆ พืชกลับไม่ตอบสนอง มีแต่โรค ต้นทยอยตาย
ยิ่งไปกว่านั้นก็เกิดความเป็นห่วงว่าสารพิษจะแทรกซึมตกค้างในอาหาร

ต้นศตวรรษที่ 20 จึงได้มีนักวิทยาศาสตร์สาขาปฐพีวิทยา (Soil Biology)
จึงได้เริ่มคิดหาวิธีหลีกเลี่ยงสารเคมีสังเคราะห์ทั้งหลายโดยที่ยังทำเกษตรได้ผลผลิตดีได้ด้วย
กำเนิดสาขาวิชาเกษตรชีวพลวัตร (Biodynamic Agriculture) ในปี 1924 ด้วยผลงานตีพิมพ์ 8 ฉบับ
โดยนักวิทยาศาสตร์ที่ชื่อ รูดอล์ฟ สไตน์เนอร์ (Rudolf Steiner)
เป็นแขนงวิชาแรกของระบบเกษตรโมเดิร์น ซึ่งต่อมาเราต่างรู้จักกันดีในชื่อ เกษตรอินทรีย์ (Organic Agriculture)

นักวิทยาศาสตร์ได้ทำการศึกษาค้นคว้าเพื่อตอบสนองกลุ่มเกษตรกรที่รับรู้ได้ว่าดินเสียหายจากปุ๋ยสังเคราะห์
และเริ่มนำมาปรับใช้เมื่อเกือบร้อยปีก่อนและพัฒนาศึกษาต่อเนื่องมาจนถึงทุกวันนี้
แขนงวิชาเกษตรอินทรีย์มาถึงวันนี้นั้นไปไกลมากแล้วและมีพื้นที่เพาะปลูกเพิ่มขึ้นทุกปี
ด้วยดินที่สมบูรณ์ทำให้ผลผลิตที่ได้ดีกว่า รสชาติอร่อยกว่า และปลอดภัยกว่าระบบเกษตรเดิม

ระบบเกษตรอินทรีย์คือระบบเกษตรที่รักษาความสมบูรณ์ของดิน รักษาระบบนิเวศ และห่วงใยสุขภาพของผู้คนบนโลกนี้
โดยการศึกษาและเข้าในถึงระบบนิเวศนี้ จึงนำมาปรับใช้ในแปลงเกษตร คงไว้ซึ่งความหลากหลายทางชีวภาพของแต่ละท้องถิ่น แทนที่จะใช้ปุ๋ยสังเคราะห์ซึ่งสุดท้ายในระยะยาวจะได้ผลลัพธ์ตรงกันข้าม ทั้งส่งเสริมภูมิปัญญาท้องถิ่นผสมผสานกับนวัตกรรมและวิทยาศาตร์เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับทั้งผู้คน สภาพแวดล้อม ซึ่งสัมพันธ์กันอย่างแยกออกไม่ได้

นับจากวันที่วิชาเกษตรอินทรีย์เริ่มต้นขึ้น วันนี้ก็เดินทางมาเกือบ 100 ปีแล้ว
(ผมจะนำเรื่องราวเกี่ยวกับเกษตรอินทรีย์มาเล่าเป็นเรื่องต่อๆ กันไป
เป็นความรู้ จะได้ทราบถึงที่มาที่ไป ว่าทำไมเราถึงหมักปุ๋ย เราถึงเน้นจุลินทรีย์
เราถึงเรียกว่าเกษตรไบโอนั้นโมเดิร์นที่สุดแล้ว)

(*1) ทุกอย่างบนโลกนี้เป็นเป็นสสารซึ่งสามารถแยกองค์ประกอบเคมีได้นะครับ
เพื่อความเข้าใจที่ถูกต้อง ผมขออธิบายว่าในที่นี้เราจะพูดถึง
ปุ๋ยเคมี หมายถึง ปุ๋ยเคมีที่ถูกสังเคราะห์ขึ้นด้วยกรรมวิธีทางเคมี
ปุ๋ยอินทรีย์ ปุ๋ยชีวภาพ หมายถึง ปุ๋ยที่เกิดขึ้นจากสิ่งมีชีวิตในธรรมชาติ
สนับสนุนมีเฮง่ายๆ #Meehay มีเฮ น้ำหมักชีวภาพ
สูตรของมีเฮ ถูกพัฒนา คิดค้นโดยมีเฮ ไม่มีใครเหมือน
แค่เปลี่ยน วิธีการ 》》》ผลลัพธ์ก็เปลี่ยนไป
หน้าเพจ : Meehay มีเฮ น้ำหมักชีวภาพ
เว็บไซต์ : www.meehaythai.com
รวมรีวิวและเนื้อหา : www.meehayonline.com
inbox : m.me/meehaythai
Line id : @meehay (มี @ ข้างหน้าด้วยนะครับ)
โทร 062-3462449
โทร 094-4054696
ใส่ความเห็น